ผงชูรส

ผงชูรส..ชื่อที่ใครๆก็รู้จักเพราะอยู่คู่ครัวมาเป็นเวลานาน  วันนี้ผู้เขียนขอแนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องปรุงรสที่มีชื่อว่า ผงชูรส ซึ่งเรียกได้ว่าหลายครอบครัวเมื่อเข้าครัวทำกับข้าวแล้วถ้าไม่มีสิ่งนี้หรือถ้าไม่มีเครื่องปรุงรสชนิดนี้ความมั่นใจในรสชาติอาหารจะหายไป นั่นคือความสำคัญของผงชูรสคนบางกลุ่มชอบทานอาหารที่ต้องใส่ผงชูรสหรือใส่เครื่องปรุงรถชนิดต่างๆ

แต่เค้าไม่รู้หรอกว่าผงชูรสนั้นมีโทษต่อร่างกายต่อสุขภาพอย่างไร บางคนเค้าอาจจะคิด แต่ก็คิดว่าคงไม่ร้ายแรงอะไรมากนักเพราะว่าเห็นมีมาตั้งแต่สมัยเด็กๆบอกได้เลยว่าหลายคนคิดผิดเพราะเจ้าผงชูรสน่ะมันคือมัจจุราชสีขาว ผงชูรสมีความร้ายกาจอย่างที่คุณคาดไม่ถึงเรามาดูกันผงชูรสประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

โมโนโซเดียมกลูตาเมตชื่อนี้เป็นชื่อสารเคมีที่ไม่ดีต่อร่างกาย ถ้ามันสะสมอยู่ในร่างกายของคุณนานๆแล้วมันจะแผงฤทธ์ของมันจะทำให้คุณตกใจอย่างคาดไม่ถึง เพราะเจ้าผงชูรสนี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคร้ายนั่นคือโรคมะเร็ง โรคไตวายและโรคตับอักเสบ ร้านอาหารส่วนใหญ่ใช้ผงชูรสเป็นตัวช่วยให้อาหารมีรสชาติถูกปากลูกค้าเพราะคนส่วนใหญ่ใช้ผงชูรสปรุงอาหารอยู่แล้วก็จะคุ้นเคยแต่รสชาติผงชูรสสมัยนี้ก็มีทั้งผงชูรสแท้และผงชูรสปลอม แต่คงไม่ดีแน่ถ้าผงชูรสปลอมนั้นใส่สารเคมีที่มีอันตรายต่อสุขภาพนั่นคือสารโซเดียมเมตตาฟอสเฟตและสารบอแรกซ์ ซึ่งทั้งสองสารนี้ถ้าเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายจะทำให้มีอันตรายถึงชีวิตได้

แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าอาหารแสนอร่อยที่คุณกินนั้นไม่ได้ใส่ผงชูรสปลอม สมัยนี้ไม่ได้แค่ใช่ปรุงอาหารเท่านั้นแต่บางครั้งยังถูกนำมาใส่ในขนมขบเคี้ยวของเด็กเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยถ้าคุณหยิบถุงขนมขบเคี้ยวขึ้นมาซักถุงแล้วคุณจะเห็นสีขาวเล็กๆคล้ายเกลือผงติดมือนั่นก็คือว่าคุณเจอมัจจุราชเข้าไปแล้วมันคือส่วนผสมของผงชูรส

ซ้ำร้ายคนบางคนที่เป็นโรคภูมิแพ้การป้องกันร่างกายจะไหวมากหากเขารับสารเคมีที่มีในผงชูรสเข้าไปแล้ว ร่างกายจะเกิดการต่อต้านสาร ทันที ซึ่งจะเห็นได้จากผื่นแดงที่แขนลำคอ ขา หน้าหรือทั้งตัวบางครั้งพร้อมใจกันเห่อขึ้นมาทันทีพี่ลิ้ม เมื่อเขาสัมผัสสารเคมีในผงชูรสบางคนก็เกิดอักเสบรุนแรงที่ผิวหนังหรืออาจจะร้ายแรงกว่านั้นทำให้เกิดอาการช็อกได้นั่นหมายถึงอันตรายถึงชีวิต

ผู้เขียนเห็นว่าการเลิกรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรสน่าจะดีต่อร่างกายและปลอดภัยต่อชีวิตผู้เขียนที่เอาเรื่องราวเกี่ยวกับผงชูรสมาเขียนให้ผู้อ่านได้ฟังเพราะว่าครอบครัวของผู้เขียนก็ใช้ผงชูรสในการปรุงอาหารเป็นประจำถึงจะรู้ว่ามีโทษรุนแรงแค่ไหนแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะช่วยผมชูรสในการปรุงรสเลิกทางกันดีกว่าครับ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย. เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

3 อาหารบำรุงปอดให้แข็งแรง

รู้หรือไม่ว่าปอดเป็นอวัยวะหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก การดูแลรักษสุขภาพปอดให้แข็งแรงอยู่เสมอก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เช่นกัน เพราะเนื่องด้วยสมัยปัจจุบันนี้โลกของเราเต็มไปด้วยโรคระบาดที่ร้ายแรง ทั้งยังเป็นโรคที่มีความอันตรายต่อการทำร้ายปอดของเราอีกด้วย

อาหารบำรุงปอดให้แข็งแรง ซึ่งนอกจากสิ่งที่พอจะช่วยให้เรารักษาสุขภาพของปอดได้นั้น ก็คงจะเป็นหน้ากากอนามัยเพียงอันเดียวเท่านั้นเพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับเชื้อ

ถึงแม้ว่าจะช่วยได้ไม่เยอะแต่อย่างน้อยเราก็ยังรู้จักป้องกันไม่ให้เชื้อโรคได้เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย อย่างไรก็ตาม การที่เราเลือกรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถรักษาสุขภาพปอดไว้ได้ เพราะถ้าปอดของเรานั้นมีความแข็งแรงที่ไม่เพียงพอก็อาจจะยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ ดังนั้น เราสามารถบำรุงรักษาสุขภาพปอดให้แข็งแรงได้เพียงแค่เลือกรับประทานอาหารให้เพียงพอ หรือเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงปอดของเราได้โดยตรง

ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำอาหารที่สามารถช่วยในการบำรุงปอดให้แข็งแรงได้ เพียงแค่หมั่นทานเป็นประจำรับรองได้เลยว่า นอกจากจะมีสุขภาปอดที่ดีและแข็งแรงแล้ว ยังได้สุขภาพร่างกายที่ดีอีกด้วย จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างไปดูกันเลย 

  • บลูเบอร์รี่

เป็นหนึ่งในผลไม้ที่เราควรเลือกรับประทานเป็นอย่างมาก เพราะผไม้ชนิดนี้นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของปอด ซึ่งบลูเบอร์รี่จะมีสารชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อปอดเป็นอย่างมากจึงสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของปอดได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นคือ บลูเบอร์เป็นผลไม้ที่ถ้าหากเราทานเป็นประจำก็จะสามารถช่วยชะลอความแก่ของเราลงไปได้อีกด้วย 

  • บีทรูท

เชื่อว่าหลายคนก็คงจะเคยเห็นหน้าค่าตากันอยู่แล้ว เพราะบีทรูทเป็นหนึ่งในอาหารที่ดังมากๆ ในวงการร้านขายน้ำผลไม้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าสรรพคุณที่แท้จริงของบีทรูทนั้นจะสามารถช่วยในการบำรุงปอดได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ หากเราทานเป็นประจำจะยิ่งส่งผลดีต่อปอด และช่วยในการขยายหลอดเลือดจึงทำให้เลือดไปเลี้ยงปอดได้ดี และส่งผลให้ปอดทำการฟอกออกซิเจนได้ดีขึ้นอีกด้วย 

  • พริกหวาน

ถึงแม้จะดูเป็นอาหารที่ไม่น่าทานสักเท่าไหร่ แต่รู้หรือไม่ว่า พริกหวานนั้น เป็นอาหารที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก ทั้งยังมีวิตามินซีสูง และเป็นวิตามินที่เป็นสารอาหารหนึ่งที่ช่วยในการบำรุงปอดได้ เนื่องจากว่าวิตามินซี จะช่วยเสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยบำรุงปอดให้แข็งแรงได้ อีกทั้งยังช่วยให้ปอดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย 

 

ได้รับการสนับสนุนเนื้อหาโดย  เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

การพยาบาลผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุที่มีบาดแผล(Trauma  wound  nursing)

การพยาบาลผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุที่มีบาดแผล  การเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง ผู้บาดเจ็บอาจมีบาดแผลหลายๆแห่งในคราวเดียวกัน  จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคลากรทางการพยาบาล ที่ปฏิบัติงานในแผนกฉุกเฉิน จะต้องเป็นผู้ที่มีความละเอียดรอบครอบ ซึ่งถ้าหากผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุที่มีบาดแผล ได้รับการดูแลช่วยเหลือพยาบาลที่ถูกต้อง บริเวณบาดแผลได้รับการชำระล้างความสะอาดจนไม่มีสิ่งแปลกปลอมหรือเนื้อตายค้างอยู่ในบาดแผล ก็จะสามารถช่วยทำให้แผลไม่เกิดการติดเชื้อและส่งผลต่อการหายของแผลเร็วขึ้น   

แต่ถ้าหากกรณีบาดแผลที่จำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมเย็บแผล พยาบาลที่ปฏิบัติงานและคอยให้การช่วยเหลือพยาบาล บำบัดรักษา จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้สามารถประเมินได้ว่าบาดแผลแบบใดที่ควรเย็บหรือควรเย็บด้วยวิธีการเย็บแผลแบบใดรวมถึงการเลือกวัสดุที่ใช้เย็บแผล  ระยะเวลาในการตัดไหม การให้ยาปฏิชีวนะในรายที่มีความจำเป็นต้องได้รับ เช่น แผลสกปรก มีโอกาสติดเชื้อเข้าทางบาดแผล  เป็นต้น ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ/ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่มีบาดแผล หากได้รับการดูแลช่วยเหลือรักษาพยาบาล และการให้วัคซีนป้องกันที่ถูกต้อง จะสามารถช่วยลดการติดเชื้อ ทำให้การหายของแผลเร็วขึ้น

การพยาบาลผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุ Wound (บาดแผล) หมายถึง ภาวะที่ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผิวหนังได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำลายซึ่งอาจเกิดจากการได้รับแรงกระแทกจากของแข็ง (Mechanical forces) หรืออาจเกิดจากของมีคมทำให้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะนั้นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติได้

สาเหตุของการเกิดบาดแผล

  1. จากการเกิดอุบัติเหตุ
  2. ของมีคม ถูกกระแทก จากความร้อนจัดหรือเย็นจัด 
  3. สารเคมี รังสี
  4. จากการผ่าตัดทำให้เนื้อเยื่อฉีกขาดหรือถูกทำลาย เป็นต้น

การบาดเจ็บของร่างกายที่ถูกทำลายจะสามารถมองเห็นและตรวจได้ทางกายภาพ 

ประกอบด้วย 4 ลักษณะคือ

  1. ความเจ็บปวด (Pain)
  2. เลือดออก (Bleeding)
  3. ลักษณะรูปร่างผิดปกติ (Deformity)
  4. การสูญเสียหน้าที่/การทำงานผิดปกติ (Dysfunction)

ชนิดของบาดแผล  สามารถแบ่งออกตามลักษณะของบาดแผล ได้ดังนี้ 

  1. แบ่งตามลักษณะการทำลายของเนื้อเยื่อ
  2. แบ่งตามการสัมผัสของเชื้อ
  3. แบ่งตามนิติวิทยาศาสตร์

ปัจจัยที่มีผลต่อระดับความรุนแรงบริเวณผิวหนังที่ได้รับบาดเจ็บ  

เพศ : ถูกแรงกระทำเท่า ๆ กัน ผู้หญิงมีโอกาสเกิดรอยช้ำบริเวณผิวหนังได้ง่ายกว่า

-ผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมีผิวหนังที่บางกว่าและมีไขมันใต้ผิวหนังมากกว่าผู้ชาย

อายุ: ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก พบรอยช้ำของบริเวณผิวหนังที่ได้รับบาดเจ็บได้บ่อย

รูปร่างและสภาวะสุขภาพ: คนอ้วน มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคเลือด 

ตำแหน่ง/บริเวณชนิดของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย : บริเวณรอบๆดวงตา (Black eyes) 

จะเกิดรอยช้ำได้ง่าย เนื่องจากเป็นบริเวณที่เนื้อเยื่ออยู่กันอย่างหลวมและมีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงจำนวนมาก

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่ากัน

การกินปลาดีต่อสุขภาพหรือไม่

การกินปลาดีต่อสุขภาพ เรารู้ดีว่าปลาเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ผู้หญิงมีครรภ์ถูกบอกให้จำกัดการบริโภค ประโยชน์ต่อสุขภาพของการกินปลามีมากกว่าความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปลามีปริมาณน้อยลงหรือไม่ ปลามีชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดที่เรากินได้ แต่ความพร้อมใช้งานที่เพิ่มขึ้นของทางเลือกจากพืช และความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของอาหารทะเลและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้บางคนสงสัยว่าเราต้องการมันในอาหารของเราหรือไม่ ตั้งแต่ปี 1974

องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติรายงานว่าปริมาณปลาที่อยู่ในระดับที่ยั่งยืนทางชีวภาพลดลงจาก 90% เหลือเพียง 66% ในปัจจุบัน

ในขณะเดียวกัน ความกังวลเรื่องสารปรอทและสารมลพิษอื่นๆ เช่น ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ได้รับการเตือนให้จำกัดการบริโภคบางชนิด การกินปลาให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าหรือความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือไม่?

ในทศวรรษที่ผ่านมา หนึ่งในความกังวลที่ใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับปลาคือระดับมลพิษและโลหะที่อาจเป็นอันตราย ทำไมอาหารแช่แข็งจึงมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าอาหารสด เรื่องจริงการกินไข่ น้ำมันปรุงอาหารชนิดใดที่ดีต่อสุขภาพ ข้อกังวลประการหนึ่งคือโพลีคลอริเนต ไบฟีนิล (PCBs) แม้ว่าจะถูกห้ามใช้ในช่วงทศวรรษ 1980

แต่สารเคมีทางอุตสาหกรรมเหล่านี้ถูกใช้ทั่วโลกในปริมาณมหาศาลและยังคงตกค้างอยู่ในดินและน้ำของเรา สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับผลกระทบด้านสุขภาพเชิงลบในทุกสิ่งตั้งแต่ระบบภูมิคุ้มกันไปจนถึงสมอง แม้ว่า PCBs จะมีอยู่ในทุกอย่างตั้งแต่ผลิตภัณฑ์นมไปจนถึงน้ำดื่ม แต่ระดับสูงสุดมักพบในปลา

Johnathan Napier ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ของ Rothamsted Research ในเฮิร์ทฟอร์ดเชียร์ ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า วิธีแก้ปัญหาสำหรับการจำกัดการบริโภค PCBs จากปลาอาจขัดกับสัญชาตญาณ “ปัญหาที่เป็นไปได้ของการสะสมของสารพิษมีแนวโน้มที่จะเป็นความกังวลมากขึ้น

สำหรับสัตว์ป่าที่จับได้เพื่อการบริโภคโดยตรงของมนุษย์” เขากล่าว เนื่องจากส่วนผสมที่ได้จากทะเลที่เลี้ยงปลาในฟาร์มนั้นได้รับการทำความสะอาดหรือขัดเพื่อขจัดสารพิษ ปลาที่เลี้ยงในฟาร์มจึงมักปลอดภัยกว่าปลาในธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่กรณีเสมอไป และเนื้อหา PCB ก็ผันผวนตามฤดูกาลเช่นกัน แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วสัตว์เหล่านี้จะถูกมองว่าดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากกว่า แต่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำขนาดใหญ่ก็มีปัญหาในตัวเอง เช่น มลพิษในมหาสมุทรด้วยของเสีย และกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สำหรับโรคที่อาจลุกลามสู่ธรรมชาติ พลุกพล่านแนะนำว่าสตรีมีครรภ์และให้นมบุตรควรจำกัดการบริโภคปลาที่มีแนวโน้มว่าจะมี PCBs รวมทั้งสารมลพิษอื่นๆ เช่น ไดออกซิน ไม่เกินสองส่วนต่อสัปดาห์ ปลาเหล่านี้รวมถึงปลาที่มีน้ำมัน เช่น ปลาแซลมอนและปลาซาร์ดีน เช่นเดียวกับปลาที่ไม่มีน้ำมัน เช่น ปูและปลากะพงขาว ส่วนหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 140 กรัม

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ