ประโยชน์ของการกินปลาแซลมอล

การกินปลาเป็นสิ่งที่หลายๆคนในปัจจุบันมีการกินเป็นธรรมดา  การกินปลาแซลมอล   และปลาแซลมอลก็เป็นปลาที่มีความนิยมในการกินมากๆในปัจจุบัน เพราะเป็นปลาที่มีความอร่อยเนื้อปลาเป็นสีส้ม และจะเป็นปลาที่เราสามารถจะหากินได้ง่ายมากๆในปัจจุบันที่ไม่ว่าจะเป็นที่ห้าง ร้านอาหารต่างๆ

เราก็จะสามารถหากินปลาแซลมอลนี้ได้ ซึ่งปลาแซลมอลก็ยังเป็นปลาที่มีประโยชน์มากมายต่อร่างกายของเรา และสามารถที่จะป้องกันโรคต่างได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งจะมีประโยชน์ที่เราสามารถได้รับจากการกินปลาแซลมอลดังนี้

  1. การที่ช่วยรักษาข้อเข่าที่เสื่อม

ได้มีการวิจัยเอาไว้ว่าสารอาหารในปลาแซลมอลที่เราสามารถช่วยในการรักษาข้อเข่าของเราได้จะเป็นโปรตีนที่มีชื่อว่า ไบโอแอคทีฟเปปไทด์ ที่เป็นโปรตีนที่มีคอลลาเจนช่วยในการรักษาควบคุม คอลลาเจนที่อยู่ในกระดูกของเราได้เป็นอย่างดี และยังสามารถที่จะทำให้กระดูกของเรามีความแข็งแรงที่เพิ่มมากขึ้นได้

  1. การที่ช่วยที่เราฉลาดขึ้น

การที่เรามีการทานแซลมอลอย่างเป็นประจำจะมีส่วนที่ช่วยทำให้เรานั้นมีความฉลาดที่เพิ่มขึ้น เพราะว่าปลาแซลมอลมี ไขมันโอเมก้า 3 และDHA ที่มีความสำคัญมากๆต่อระบบประสาทของเรา และแซลมอลยังสามารถที่จะช่วยในการลดความเสี่ยงของสภาวะซึมเศร้าและความเครียดของเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

  1. การที่ช่วยในการรักษาอาการนอนไม่หลับ

ในเนื้อของปลาแซลมอลจะมีสารที่ชื่อว่าทริปโตเฟน ที่ทำหน้าที่คล้ายเป็นยานอนหลับ ที่จะทำให้เราสามารถที่จะนอนได้ง่าย และสามารถที่จะนอนได้เร็ว แต่จะเป็นสิ่งที่ได้จากธรรมชาติ และไม่มีสารที่สามารถเกิดอันตรายกับเราได้ ซึ่งเหมาะกับผู้คนที่สามารถจะทำการนอนหลับได้ยากนั้นเอง

  1. การมีวิตามินที่ดีต่อร่างกาย

ในแซลมอลจะมีวิตามินดี ที่เป็นวิตามินที่ร่างกายของเราต้องการที่จะได้รับมากๆ ซึ่งการที่เราได้มีการรับวิตามินชนิดนี้เข้าไป จะเป็นส่วนที่ช่วยในการลดการเกิดโรคมากมาย เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน เป็นต้น

  1. การที่ป้องกันการเสื่อมของสายตา

การที่เรามีการกินเนื้อปลาที่เป็นสีส้ม หรือปลาแซลมอลจะเป็นส่วนที่ช่วยในการทำให้สายตาของเราเสื่อมได้ช้า และสามารถที่จะทำให้เราสูญเสียการมองเห็นได้ยากอีกด้วย เพียงแค่เราได้มีการกินปลาแซลมอลเพียง 2ครั้งต่อสัปดาห์เพียงเท่านั้น

 

สนับสนุนโดย.    ชุดตรวจ hiv

การที่เราใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ติดเชื้อโรคเอดส์ 

   การที่เราอยู่กับแฟนโดยที่เราไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่แพร่เชื้อให้เพราะว่าต่างคนต่างก็มาและก็มาเจอกัน  จนอยู่มาวันหนึ่งเมื่อเราอยากที่จะมีครอบครัว   เราจึงเดินจับมือเพื่อที่จะไปปรึกษาคุณหมอ  เพื่อที่จะวางแผนในการที่จะมีครอบครัว  เมื่อคุณหมอให้เรามาตรวจเลือดนั้นเราทั้งสองคนกลับพบว่าเลือดของเราทั้งสองคนเป็นเป็นบวกคือติดเชื้อเอชไอวี  

พอต่อมาจากนั้นเราก็มานั่งเถียงกันว่าใครเป็นคนที่นำเชื้อมาคราวนี้เราก็ต้องไปปรึกษาคุณหมอว่าเราต้องทำอย่างไร   

     เราจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่ออยู่บ้าน  

เมื่อเรานั้นรู้ตัวว่าเรามีเชื้อเอชไอวีสิ่งแรกที่เราที่เรารู้คือคือเราจะต้องทำตัวอย่างไร  เพราะว่าเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง  เพราะว่าในบ้านของเรานั้นมีทั้งเด็กและคนอื่นอีก   เราจะทำตัวอย่างไรเพราะว่าเรากลัวที่เราจะเชื้อนั้นมาติดต่อกับคนในบ้าน      แต่ว่าการติดเชื้อนั้นไม่ใช่  ว่าการที่เรานั่งกอดกัน  จูบกัน  หยอกล้อกัน  หรือแม้กระทั่งการที่เรากินอาหารร่วมกัน  หรือว่านอนร่วมกันนั้น   จะใช้จานช้อนร่วมกัน  ไม่สามารถที่จะแพร่เชื้อได้  

ดังนั้นสิ่งแรกที่เราควรที่จะทำคือการที่เราทำให้ร่างกายของเรานั้นแข็งแรง  และการที่เราที่ได้รับเชื้อนั้นระเผาผลาญสิ่งต่างๆนั้นก็ไม่เหมือนเดิม   คือเราต้องทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง เพื่อที่จะได้ไม่เป็นโรคแทรกซ้อน  

การมีเพศสัมพันธ์ ได้ไหมเมื่อเราติดเชื้อ  

คนที่เป็นโรคเอดส์นั้นไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ว่าเราควรที่จะระวังให้มาก ลองมาดูว่ามีมีอะไรบ้างที่ควรปฎิบัติก่อนและหลังเสร็จกิจ  

  • เมื่อเราจะมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเราก็ควรที่จะป้องกันด้วยการที่เราใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อเราจะเพศสัมพันธ์  เพราะว่าถุงยางนั้นจะช่วยป้องกันเชื้อเอชไอวีไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย   
  • เมื่อเราต้องการที่จะมีเพศสัมพันธ์ทางปาก   โอกาสที่เราจะติดเชื้อจากทางช่องปากนั้นเป็นไปได้น้อย  แต่ว่าถ้าเป็นความต้องการหรือว่าแฟนของเราต้องการเราก็ควรที่จะมีแผ่นแดมหรือว่าใช้ถุงยางเพื่อหลีกเลี่ยงการที่เราจะได้รับเชื้อนั่นเอง   
  • การกอดจูบ หรือว่าร่วมกันสำเร็จความใคร่ด้วยการที่เรานวดต่างๆ  นั้นก็ถือว่าเป็นการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยที่สุด   

ถ้าทั้งคุณและแฟนหรือว่าคู่นอนของคุณนั้นเป็นเหมือนกันคุณอาจจะไม่ป้องกันก็ได้  หรือว่าคุณจะเลือกที่จะปรึกษาคุณหมอให้แน่ใจก่อน  แต่ว่าการที่เราจะมีเพศสัมพันธ์กันนั้นเราต้องทำความเข้าใจกันและกันและการที่เรารู้จักป้องกัน  และเป็นความรับผิดชอบในการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย         

 

สนับสนุนโดย  ชุดตรวจ hiv