ระวังทำใบขับขี่ผ่านทางอินเตอร์เน็ตเจอของปลอม 

           เมื่อวันที่ 18 เดือนสิงหาคมปีพศ2563 ได้มีชายคนหนึ่งชื่อว่านายสมศักดิ์ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจอำเภอเมืองพัทยาเพื่อทำการแจ้งความดำเนินคดีกับชายคนหนึ่งซึ่งเปิดรับทำใบขับขี่ให้โดยมีการติดต่อกันผ่านช่องทาง Line โดยระบุว่าสามารถที่จะทำใบขับขี่ให้กับนายสมศักดิ์ได้โดยที่นายสมศักดิ์นั้นไม่ต้องเดินทางไปที่ขนส่งซึ่งมีการขอค่าดำเนินการอยู่ที่ 3,000 บาทในสมศักดิ์เห็นว่าการทำใบขับขี่ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตนั้น

สะดวกและรวดเร็วและไม่ต้องไปรอคิวนานที่ขนส่งซึ่งได้มีการชักชวนเพื่อนๆอีกประมาณ 4 คนให้ทำใบขับขี่ผ่านทางอินเตอร์เน็ตด้วยหลังจากที่มีการตกลงกับชายคนดังกล่าวได้แล้วก็มีการโอนเงินไปให้ซึ่งถูกเรียกเก็บค่าในการทำใบขับขี่ใบละ 3,000 บาทหลังจากที่โอนเงินให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วรอไม่เกิน 3 วันก็มีการส่งใบขับขี่มาให้ที่บ้านผ่านทางไปรษณีย์แต่เมื่อนายสมศักดิ์นำใบขับขี่ดังกล่าวนั้นไปทำการสแกนบาร์โค้ดดู

เพื่อเช็คข้อมูลในระบบฐานของกรมขนส่งกลับไม่พบข้อมูลใบขับขี่ของตนเองกับเพื่อนๆจึงมั่นใจว่าใบขับขี่ดังกล่าวนั้นเป็นของปลอมจึงได้นำหลักฐานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีของใครและข้อมูลผ่านทาง LINE ที่มีการแชทคุยกันกับเจ้าของร้านรวมถึงข้อมูลทาง Facebook ซึ่งทางร้านได้เปิดเอาไว้เพื่อเชิญชวนให้คนไปทำใบขับขี่ผ่านทางอินเตอร์เน็ตเอาไปให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของร้านคนดังกล่าวและยังฝากประชาสัมพันธ์ไปยังบุคคลอื่นๆว่าไม่ควรทำใบขับขี่ผ่านทางอินเตอร์เน็ต

เพราะว่าจะถูกหลอกลวงให้เสียเงินได้ฟรีดังนั้นหากใครที่ต้องการทำใบขับขี่ควรจะเดินทางไปด้วยตนเองที่กรมการขนส่งจะเป็นการดีที่สุดถึงแม้ว่าในช่วงนี้จะต้องมีการหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นแต่ก็ดีกว่าการที่เราจะถูกหลอกให้ทำใบขับขี่ปลอมเพราะถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นใบขับขี่นั้นจะไม่สามารถช่วยอะไรเราได้เลยและเราจะมีความผิดทางกฎหมายอีกด้วยดังนั้นทางที่ปลอดภัยที่สุดก็คือไปที่กรมการขนส่งด้วยตนเองนั่นเอง

สมัยนี้ไม่ว่าจะทำอะไรควรจะระมัดระวังโดยเฉพาะการทำธุรกรรมผ่านทางอินเทอร์เน็ตเพราะเราไม่รู้ว่าปลายทางนั้นเป็นแก๊งมิจฉาชีพหรือเป็นบริษัทที่เปิดรับทำจริงๆเพราะฉะนั้นควรจะต้องมีการสืบหาข้อมูลก่อนที่จะมีการทำธุรกรรมอะไรก็ตามผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตแต่ทางที่ดีที่สุดถ้าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของเราเองและเป็นข้อมูลที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับทางราชการเราควรจะไปทำธุรกรรมเหล่านั้นด้วยตนเองเช่นการทำบัตรประชาชนหรือการทำใบขับขี่ไปทำเองจะเป็นการดีที่สุดเพื่อป้องกันข้อมูลของเรารั่วไหลไปถึงผู้อื่นและถูกนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ในทางที่ไม่ดีนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  เว็บหวยออนไลน์อันดับ1

เด็กหญิงวัย 13 ปีถูกนะเขยข่มขืนนานนับปี 

           เปิดเรื่องราวน่าสลดใจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี   ปีโดย ปีโดยเหตุการณ์ข่มขืนกันในครั้งนี้เกิด  เมื่อผู้ปกครองคนหนึ่งได้นำเด็กหญิงวัย 13 ปีเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 11 เดือนพฤศจิกายนปีพศ 2563    โดย  มีการแจ้งข้อหาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมนายพันธุ์ทอง  ซึ่งเป็นน้าเขยของเด็กหญิงวัย 13 ปีในข้อหาข่มขืนเด็กหญิง  จากการให้ข้อมูลของเด็กหญิงวัย 13 ปีพร้อมกับญาติของเธอระบุว่า   เด็กหญิงวัย 13 ปีมีชื่อเล่นว่าหนู  ได้มาอาศัยอยู่กับนายพันทองซึ่งเป็นนักเขยและมาอาศัยอยู่กับน้าสาวซึ่งเป็นพี่สาวของแม่

       สาเหตุเนื่องจากว่าพ่อแม่ของเด็กหญิงหนูนั้นเลิกรากันไปแล้วทำให้น้าสาวของเด็กหญิงหนูนั้นรับเด็กหญิงหนูมาไว้ในอุปการะเลี้ยงดูแทน โดยทั้งหมดอาศัยอยู่ในห้องเช่าห้องหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา  ซึ่งนายพันทองซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุนั้นมีอาชีพเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่บริษัทแห่งหนึ่งส่วนทางด้านน้าสาวนั้นก็ทำงานอยู่อีกที่หนึ่ง

         เด็กหญิงหนูให้การว่าเธอเริ่มถูกนาย  พานทองข่มขืนตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว  โดยทุกครั้งที่นายพันทองข่มขืนนั้นทั้งด้านนะสาวจะไม่รับรู้เนื่องจากว่านายพันทองจะอาศัยช่วงที่น้าสาวออกไปทำงานแล้วข่มขืนเด็กหญิงหนูหลังจากนั้นก็มีการข่มขู่ไม่ให้เด็กหญิงหนูนั้นบอกใครซึ่งถ้าหากเด็กหญิงหนูบอกใครในพานทองขู่ว่าจะฆ่าให้ตายทำให้เด็กหญิงหนูเกิดความหวาดกลัว และถูกนายพันทองข่มขืนอยู่บ่อยครั้งเรื่อยมา 

          อย่างไรก็ตามเรื่องมาแดงขึ้นเพราะว่า  ญาติๆสังเกตอาการของเด็กหญิงหนูเห็นความผิดปกติเพราะเด็กมีท่าทีซึมเศร้าจึงได้พยายามสอบถามสาเหตุของการซึมเศร้าจนในที่สุดก็รู้ว่าเด็กหญิงหนูถูกนายพันทองข่มขืนจึงได้พาเด็กหญิงหนูเข้าแจ้งความแต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงห้องเช่าที่เป็นที่พักอาศัยของนายพันทองปรากฏว่านายพันทองได้หลบหนีออกไปเสียก่อน   หางานเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานงานตำรวจนอกพื้นที่ให้ช่วยทำการจับกุมจนในที่สุดก็สามารถจับกุมนายพันธุ์ทองได้

         โดยนายพันธ์ทองให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงหนูวัย 13 ขวบจริงซึ่งทำมาตั้งแต่ปีพศ 2562 แล้ว โดยนายพันทองอ้างว่าทุกครั้งที่ทำการข่มขืนเด็กหญิงหนูเนื่องจากว่ามีอารมณ์ทางเพศเพราะนายพันทองนั้นกินเหล้าเข้าไปหลังจากนั้นพอเกิดอารมณ์แต่ภรรยาไม่อยู่จึงได้ข่มขืนเด็กหญิงหนูแทน

        สำหรับคดีข่มขืนนั้นเรามักจะเจออยู่เป็นประจำโดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ข่มขืนรังแกเด็กซึ่งกรณีแบบนี้ควรจะมีการแก้กฎหมายให้มีการลงโทษผู้กระทำความผิดให้รุนแรงมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อที่จะได้ลดจำนวนผู้ที่ต้องการก่อเหตุข่มขืนได้บ้าง

 

สนับสนุนโดย  เว็บหวยออนไลน์อันดับ1